ทำออรัลเซ็กส์เสี่ยงมะเร็งในรูคอ

นักวิทย์ฯ มหาวิทยาลัยดังจอห์นส ฮ๊อปกินส์เผยเสี่ยงสูงกว่ากินเหล้า หรือ สูบบุหรี่เสียอีก
สำนักข่าวบีบีซีออนไลน์ รายงานว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาพบว่า เชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อกันได้ทางการทำออรัลเซ็กส์นั้น เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งในลำคอบางชนิด โดยเชื้อไวรัสต้นตอของปัญหาดังกล่าวนี้ คือ เชื้อเอชพีวี ซึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮ๊อปกินส์ของประเทศสหรัฐอเมริการะบุว่า เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยง ในการเป็นโรคมะเร็งในรูคอสูงกว่าปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อันได้แก่ การสูบบุหรี่ หรือ การดื่มเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ด้วยซ้ำไป
โดยผลการศึกษา ของทีมมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮ๊อปกินส์ ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ ในวารสารด้านการแพทย์นิวอิงแลนด์ เจอร์นัล ออฟ เมดิซีนระบุว่าคนที่มีประวัติว่า ทำออรัลเซ็กส์ให้กับคู่นอนมีความเสี่ยง ในการเป็นโรคมะเร็งในลำคอสูงกว่า คนที่ไม่มีประวัติถึง 9 เท่าตัว
อย่างไรก็ดี ก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญหลายคน ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ว่า การวิจัยครั้งนี้ควรต้องมีการทำการศึกษาต่อเนื่อง ในกลุ่มตัวอย่างที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ได้ผลที่สามารถยืนยันผลการวิจัยที่ได้ในครั้งนี้ได้ สำหรับการติดเชื้อเอชพีวีนั้นพบว่า เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของโรคมะเร็งปากมดลูกและพบด้วยว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิง ที่มีความตื่นตัวในการมีเพศสัมพันธ์ หรือ มีเพศสัมพันธ์บ่อย จะมีการติดเชื้อเอชพีวีนี้อยู่ระดับหนึ่งไม่น้อยก็มากครั้ง ในช่วงชีวิตของพวกเธอ
ส่วนในการวิจัยของ ทีมจากมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮ๊อปกินส์ นั้น นักวิจัยได้นำเอาตัวอย่างเลือด และน้ำลายของผู้ชายและผู้หญิงจำนวนรวม 100 คน ซึ่งเพิ่งถูกวินิจฉัยว่า ป่วยเป็นโรคมะเร็งลำคอใหม่ ๆ มาตรวจวิเคราะห์ ทั้งนี้มะเร็งลำคอนั้นเป็นโรคที่มีผลกระทบอย่างมากต่อลำคอ ทอนซิล และด้านหลังของลิ้น นอกจากการตรวจเลือด และน้ำลาย แล้วนักวิจัยยังได้ถามคำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ และปัจจัยเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งลำคอปัจจัยอื่นๆ ด้วยเป็นต้นวาประวัติการป่วยเป็นโรคมะเร็งลำคอในครอบครัว ผลที่ได้พบว่า คนที่เคยมีการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีในช่องปากมาก่อนมีความเสี่ยง ในการเป็นโรคมะเร็งในลำคอ สูงกว่าคนที่ไม่เคยมีประวัติการติดเชื้อถึง 32 เท่าตัวทีเดียว
ทั้งนี้นักวิจัยได้ตรวจพบเชื้อเอชพีวี 16 ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาไวรัสสายพันธุ์ ที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง ในเนื้องอกที่ตรวจเจอถึง 72 เปอร์เซ็นต์ของคนไข้ทั้งหมดที่เป็นมะเร็งในลำของในการศึกษานี้ ในขณะที่ความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งลำคอในผู้ป่วย ทั้งการสูบบุหรี่ และดื่ม เครื่องดื่มแอลกอฮอล ไม่ได้ทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งชนิดนี้ เพิ่มมากขึ้นอย่างที่พบในคนไข้ ที่มีประวัติการติดเชื้อเอชพีวีในลำคอแต่อย่างใด นั่นแสดงให้เห็นว่า เชื้อไวรัสเอชพีวีนี้ เป็นสาเหตุในการทำให้คนติดเชื้อ มีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งลำคอที่สูงขึ้น การทำออรัลเซ็กส์นั้นคาดว่า น่าจะเป็นช่องทางหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อเอชพีวี อย่างไรก็ดีนักวิจัยก็กล่าวด้วยว่าการติดเชื้อผ่านการสัมผัสแบบปากต่อปากเป็นต้นว่า การจูบกันก็ไม่อาจจะตัดทิ้งได้เสียทีเดียว

นักวิจัยกล่าวด้วยว่า อันที่จริงแล้ว กรณีส่วนใหญ่การติดเชื้อเอชพีวีจะสามารถหายไปได้เอง โดยมีอาการเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย และมีเพียงจำนวนเปอร์เซ็นต์ไม่มาก ที่เมื่อได้รับเชื้อ และเป็นเชื้อชนิดที่มีความเสี่ยงสูง แล้วก็ก่อตัวกลายไปเป็นโรคมะเร็งภายหลัง
ดร.ไกไซแอมเบอร์ ดีโซซา ผู้เขียนผลการวิจัยของทีมมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮ๊อปกินส์ กล่าวว่า “นับเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากสำหรับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ ที่จะต้องทราบว่า คนที่ไม่มีความเสี่ยงอย่างที่เคยเข้าใจกันมาแต่ก่อน ๆ ว่าเป็นต้นเหตุของมะเร็ง เช่น การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล ก็สามารถเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งลำคอได้เช่นกัน”